วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

พ่อเมืองขอนแก่นห่วงเยาวชนตกเป็นทาสยาเสพติด

ศูนย์ข่าวขอนแก่น - จังหวัดขอนแก่นแถลงผลงาน พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ปี 54 พบปัญหายาเสพติดมีแนวโน้มสูงขึ้นทั้งการระบาด การค้า เผยยาเสพติดส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เฝ้าระวังยาบ้า กัญชา และยาไอซ์ ห่วงกลุ่มผู้ว่างงาน เยาวชน ผู้ใช้แรงงาน เป็นทาสยาเสพติดสูงขึ้น ชี้นำแนวทางป้องกันตามโครงการ To Be Number 1 สกัดกั้นเยาวชนคนดีไม่ให้เกี่ยวข้องยาเสพติด
    
     วันนี้ (19 ม.ค.55) ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดขอนแก่น จัดแถลงข่าว การรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดปี 2554 โดยนายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธาน โดยนำเสนอผลงานศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดขอนแก่น (ศพส.จ.ขอนแก่น) ปีงบประมาณ 2555 มีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ณ ห้องภูผาม่าน โรงแรมขอนแก่นโฮเต็ล อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
    
     นายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหายาเสพติดในปัจจุบัน มีแนวโน้มสูงขึ้นทั้งด้านการค้า การแพร่ระบาด ตัวยาสำคัญคือ ยาบ้า กัญชา สารระเหย และมีแนวโน้มแพร่ระบาดของยาไอซ์ ยาเสพติดส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องได้แก่ คนว่างงาน ผู้มีอาชีพรับจ้าง เกษตรกร เยาวชนทั้งนอกและในสถานศึกษา อายุระหว่าง 18-24 ปี
    
     ทั้งนี้ มีนักค้ารายย่อยรายใหม่ที่ผันตัวเองจากผู้เสพมาทำการค้าเพื่อเสพ โดยรับผลต่างของรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายแต่ละครั้ง และได้ยาเสพฟรี นักค้ารายย่อยในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ว่างงาน เยาวชน นอกจากนี้ยังมีนักค้ารายย่อยนอกพื้นที่ จากภาคเหนือ ภาคกลาง และนักค้าภายนอกประเทศเข้ามาติดต่อซื้อขายยาเสพติดในพื้นที่
    
     พฤติการณ์การซื้อขายยาเสพติด จะติดต่อซื้อขายและหาลูกค้าจากกลุ่มผู้เสพด้วยกัน ขยายการค้าสร้างเครือข่ายในกลุ่มเพื่อนหรือคนรู้จัก และมีส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป สถานที่ซื้อขายส่วนมากจะใช้หอพัก อพาร์ทเม้นต์ ที่ยากต่อการเข้าถึงของเจ้าหน้าที่ โดยราคายาเสพติด ยาบ้าจะมีราคาขายปลีกถึงเม็ดละ 350-600 บาท
    
     ยาเสพติดที่ต้องเฝ้าระวังคือ ยาบ้า กัญชา สารระเหย และยาไอซ์ โดยกลุ่มบุคคลที่เฝ้าระวังคือ กลุ่มผู้ว่างงาน กลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และเครือข่ายนักค้ารายเก่า โดยพื้นที่เฝ้าระวังคือ อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอบ้านไผ่ อำเภอชุมแพ อำเภอน้ำพอง อำเภอกระนวน และอำเภอพล และจากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันที่ค่าครองชีพสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความเครียดหันไปพึ่งยาเสพติด ทั้งการติดต่อสื่อสาร การคมนาคมที่สะดวก ทำให้การซื้อขายยาเสพติดสะดวกขึ้นเช่นกัน
    
     ด้านนายอดุลย์ ประยูรสิทธิ์ ตัวแทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 4 ระบุว่า ปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาดยาเสพติดในพื้นที่ภาคอีสานเพิ่มสูงขึ้น กลุ่มผู้เสพส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา กลุ่มผู้ใช้แรงงาน และกลุ่มนักการพนัน เนื่องจากนักค้ารายย่อยและกลุ่มผู้เสพเหล่านี้เพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้การชักจูงเพื่อหาลูกค้าเข้าสู่กลุ่มเสพยาเสพติดมีการขยายตัวเพิ่มมาก ขึ้น
    
     ประกอบกับปัญหาที่พบมากในพื้นที่คือ ผู้เสพที่เข้ารับการรักษาบำบัดแล้วหวนกลับมาเสพยาเสพติดซ้ำอีกและได้ขยาย เครือข่ายเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้เสพรายใหม่ เช่นกลุ่มเยาวชน ที่ขยายเครือข่ายในกลุ่มเพื่อนหรือรู้จักกันเมื่อเข้าสู่ระบการบำบัดหรือ ฟื้นฟูฯ ขณะที่กลุ่มผู้เสพรายเก่าก็จะผันตัวเป็นนักค้ารายย่อย พัฒนาไปรับจ้างขนลำเลียงและร่วมขบวนการค้ากับเครือข่ายนักค้ารายใหญ่ทั้งใน และนอกประเทศ
    
     ซึ่งปัจจุบันในพื้นที่ภาคอีสานตอนบนมีการเคลื่อนไหวบ่อยครั้งของกลุ่มขบวน การค้ายาเสพติดรายใหญ่ๆ โดยกลุ่มดังกล่าวจะติดต่อกับกลุ่มนักค้านอกประเทศเพื่อสั่งซื้อยาเสพติด ปริมาณครั้งละมากๆ เช่นยาบ้าปริมาณเกิน 100,000 เม็ดขึ้นไป
    
     “สำหรับ เครือข่ายการค้ากัญชาแห้งเองก็ยังเป็นกลุ่มเครือข่ายเดิมที่มีการค้ากัน อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มเครือข่ายการค้ายาเสพติดเหล่านี้มีผลกำไรมหาศาลในการค้ายาเสพติด ทำให้มีการขยายเครือข่ายได้กว้างขวางและเชื่อมโยงกันในระหว่างภูมิภาคต่างๆ มากขึ้น”นายอดุลย์กล่าว
    
     ขณะเดียวกันผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จังหวัดขอนแก่นได้ดำเนินการตามแผนงานที่กำหนดไว้ การปฏิบัติตามแผนแม้ว่าจะประสบผลสำเร็จตามเป้าประสงค์ที่กำหนดไว้ แต่ปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในจ.ขอนแก่น ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นและมียาเสพติดตัวใหม่ โดยจังหวัดขอนแก่นได้เพิ่มความเข้มข้นนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ทุกระดับ สกัดเครือข่ายนักค้า จัดระเบียบสังคม เพื่อลดปัจจัยเสี่ยง
    
     พร้อมนำการป้องกันรักษาเยาวชนคนดีไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด นำโครงการ To Be Number One มารณรงค์และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขยายพื้นที่และจัดให้มีชมรมทุกประเภท เพื่อสร้างโอกาสให้เยาวชน “เป็นหนึ่งโดยไม่พึ่งยาเสพติด” และพร้อมเปิดใจ “ใตรติดยายกมือขึ้น” ตามพระปณิธานของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
    
     ทั้ง ได้ส่งเสริมให้หมู่บ้านชุมชนมีความเข้มแข็งร่วมมือกันแก้ไขปัญหายาเสพติด และปัญหาอื่นได้ โดยการจัดให้มีศูนย์ปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดทุกหมู่บ้าน/ชุมชน (ศพส.ม/ข) รวมทั้งการแสวงหาความร่วมมือจาก ภาคประชาสังคม และกระตุ้นให้เกิดการรวมตัวกันร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติด ควบคู่กับภาคราชการต่อไป
 ที่มา หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น